กินอย่างไรเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
หลายคนคงเคยได้ยินหรือได้เห็นมาว่า เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นอาจมีปัญหาเรื่องตัวเตี้ยลง หลังค่อมจนเงยไม่ขึ้น ขาโก่งงอ หรือกระดูกหักง่าย ต้องระวังไม่ให้หกล้ม อาการเหล่านี้เป็นผลเกี่ยวเนื่องจากภาวะกระดูกพรุน คงไม่มีใครอยากมีอาการเช่นนี้ เราจึงควรมาเรียนรู้และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะกระดูกพรุนกันเถอะ
รู้จักโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุน หรือที่เรียกว่า osteoporosis เป็นภาวะที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลง (เนื่องจากมีการสร้างกระดูกน้อยกว่าการทำลายกระดูก) ร่วมกับมีความเสื่อมของโครงสร้างภายในของกระดูก ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง กระดูกจึงหักหรือยุบตัวได้ง่าย มักพบบ่อยที่กระดูกสันหลัง สะโพกและข้อมือ
กระดูกของคนเราประกอบด้วยโปรตีน คอลลาเจน (collagen) ที่สร้างเป็นโยงใย โดยมีเกลือแคลเซียมฟอสเฟต (calcium phosphate) เป็นตัวที่ทำให้กระดูกแข็งแรง และทนต่อแรงดึงรั้ง ดังนั้นการขาดแคลเซียมก็เหมือนบ้านที่ถูกปลวกแทะกินโครงร่างจนพรุนทำให้กระดูกบาง ไม่หนาแน่น กระดูกจึงแตกหักง่ายแม้แค่กระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย
ปกติในเด็กจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลาย ทำให้กระดูกเด็กมีการเจริญและใหญ่ขึ้น เนื้อกระดูกจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนสูงสุดเมื่ออายุประมาณ 30-35 ปี หลังจากนั้นเนื้อกระดูกจะลดลงอย่างช้าๆ คือมีการสลายมากกว่าการสร้างทำให้กระดูกเริ่มบาง ดังนั้นจะเห็นว่าผู้ที่มีอายุมากขึ้นมีโอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น
สำหรับผู้หญิงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการสูญเสียเนื้อกระดูกอย่างรวดเร็วด้วยจึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย (ผู้หญิงจะสูญเสียเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่า)
พฤติกรรมเสี่ยงกระดูกพรุน
การหลีกปัญหากระดูกพรุน ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ทันที นั่นคือ ระมัดระวังพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้
1. ระวังไม่กินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะการกินโปรตีนมากเกินไปจะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากผิดปกติ
2. ระวังไม่กินอาหารเค็มจัดหรือมีโซเดียมมาก เพราะเกลือโซเดียมที่มากเกินจะทำให้การดูดซึมของแคลเซียมจากลำไส้ลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถนำแคลเซียมมาใช้ได้ และยังทำให้การสูญเสียแคลเซียมทางไตมากขึ้นด้วย
3. ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมาก เพราะในน้ำอัดลมมีส่วนผสมที่ชื่อ "กรดฟอสฟอริก" ที่ทำให้เกิดฟองฟู่ การดื่มน้ำอัดลมมากทำให้ความสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสเสียไป (มีฟอสฟอรัสมากขึ้น) ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายแคลเซียมออกจากคลังกระดูก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟอสฟอรัสในเลือดสูงเกินไปจนส่งผลอันตรายต่อชีวิต
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ควรดื่มชา กาแฟ เกินวันละ 3 ถ้วย
5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุล
ระหว่างค่าความเป็นกรด-ด่างของเลือด การสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายมีภาวะเป็นกรด แคลเซียมจะเข้ามามีบทบาทในการสะเทินฤทธิ์กรดจากบุหรี่ ดังนั้น บุหรี่ทุกๆ มวนจึงเป็นตัวที่ทำให้แคลเซียมละลายจากกระดูก นอกจากนี้ บุหรี่ยังทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงต่ำกว่าปกติด้วย จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุน
6. ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาที่มีสารสตีรอยด์
ยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ยาเหล่านี้เร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย ดังนั้น หากจำเป็นต้องกินเป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
การป้องกันภาวะกระดูกพรุนที่ถูกต้องจึงควรประกอบด้วยการกินอาหารให้ครบหมวดหมู่ ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม งดเว้นปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวไว้ข้างต้น ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก ผศ. ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ (นักกำหนดอาหาร) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
หน้าที่เข้าชม | 126,063 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 96,535 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 ก.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 23 ก.ย. 2568 |